วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อัตลักษณ์ชาวมลายูที่นับถือศาสนาอิสลาม

มันยากส์เน๊อะ

อัตลักษณ์ร่วมของชาวมลายูที่นับถือศาสนาอิสลามได้แก่ประวัติศาสตร์ปาตานี และความรุนแรง เช่นประวัศศาสตร์ รศ 120 หะยีสุหลง ดุซงฎอ  การหล่อหลอมความเป็นตัวตนจากศาสนาอิสลาม
ส่วนอัตลักษณ์ที่สามารถเลื่อนไหลเปลี่ยนแปลงได้คือ ภาษาวัฒนธรรมประเพณี การแต่งกาย

ขอเขียนแค่นี้นะเพราะความรู้เราแค่หางอึ่ง
ตอนนี้กำลังเร่งงาน
แล้วจะกลับมาเยี่ยมเยียนนะ

I'm Mot.

วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

ห่างหายไป

หลังจากคอมพิวเตอร์ตัวเองไม่สบาย ไม่ได้เข้ามาเขียนบันทึก
รู้สึกว่าเขียนไม่ถูก
ที่ผ่านมา มีอะไรบ้างละ
อ้อ ก็งานรับปริญญาของ มอ. งัย วันที่ 13-14 กันยายน 2553
คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงการศึกษา มักไม่รู้จักคำว่า "มอ."
หลายครั้งที่เราต้องคอยพยายามตอบคำถามว่า
"มอ." ย่อมาจากอะไร "มหิตลาธิเบต อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชนก"
แล้วทำไมมันเขียนว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ละ
เฮ้อ.....
ก็ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ ไงคะ

ปรัชญา/ปณิธานของมหาวิทยาลัยคือ
“ขอให้ถือผลประโยชน์ส่วนตัวเปนที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เปนกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพย์ไว้ให้บริสุทธิ ”

วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2553

ทรงหยั่งเห็นสันดานของมนุษย์



ทรงหยั่งเห็นสันดานของมนุษย์

เมื่อพระพุทธองค์ทรงรับคำอารธนา ของ ท้าวสหัมบดีพรหมแล้ว ทรงเปรียบเทียบ มนุษย์กับดอกบัว ๔ ประเภท คือ

๑ อุคฆติตัญญุ คือพวกฉลาดมาก เหมือน บัวที่พ้นน้ำแล้ว เพียงได้ฟังหัวข้อธรรม ที่ยกขึ้น ก็จะเข้าใจได้โดยง่าย

๒ วิปจิตัญญู คือพวกฉลาดพอควร เหมือน ดอกบัว ที่อยู่เสมอน้ำ เพียงฟังคำอธิบาย ก็เข้าใจได้

๓ เยยะ คือพวกฉลาดปานกลาง หรือ เวไนยสัตว์ เหมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ มีโอกาสที่จะโผล่ขึ้นมาในวันต่อๆไป

เมื่อได้รับการอบรมบ่มสติปัญญาพอ ควรก็จะเข้าใจธรรมได้

๔ ปทปรมะ คือผู้ที่โง่เขลา เหมือนบัวที่ อยู่ในโคลนตม ยากที่จะสอนให้เข้าใจได้ ไม่มีโอกาสโผล่เหนือน้ำ





 
 
 
 
 
I'm Mot.
 
 
ขอขอบคุณ
http://www.buddhasd.se/buddismen2.html

ถ้าอยากให้จิตพัฒนาก็ต้องศึกษาเรื่องจิต

พระรูปหนึ่งเทศนาให้ฟังว่า

"การศึกษาไม่ได้ช่วยให้คนมีจิตใจที่พัฒนาขึ้น มันคนละเรื่องกัน
ดร. เป็นแค่สมมติในทางโลก"

มักจะมีคนบ่นอยู่บ่อยๆ ว่าทำไมบางคนจบ ดร.แต่ยังไม่มีวุฒิภาวะ
เห็นแก่ตัว เอาเปรียบ มีปัญหาทางจิต ทำไมหรือการศึกษาถึงขั้นนี้แล้วไม่ได้ทำ
ให้เขารู้ความผิด ชอบ ชั่ว ดี แยกแยะไม่ได้หรือ
คำพูดข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่า คนมีการศึกษา
สูง จะต้องมีจิตใจที่สามารถแยกแยะ ความดี ชั่ว ถูก ผิด ได้
แต่พระท่านบอกว่าไม่ใช่ เป็นการศึกษาทางโลกที่สมมติว่าจบปริญญาเอก
จะได้ คำว่า "ดร." นำหน้าชื่อ
การศึกษาทางโลกไม่ได้ช่วยให้จิตของคนพัฒนาขึ้น

"ถ้าอยากให้จิตพัฒนา ต้องศึกษาเรื่องจิต" ในทางธรรม

พระท่านให้คำแนะนำสำหรับตัวข้าพเจ้าเองว่า ให้ฝึกแผ่เมตตาให้กับตัวเองก่อน
จิตใจจะได้สงบ มีสติ ถึงจะพัฒนาจิตของตัวเองได้

คำแผ่เมตตาให้แก่ตนเอง


อะหัง สุขิโต โหมิ

ขอให้ข้าพเจ้า จงเป็นผู้มีความสุขเถิด

อะหัง นิททุกโข โหมิ

ขอให้ข้าพเจ้า จงเป็นผู้ไม่มีความทุกข์

อะหัง อะเวโร โหมิ

ขอให้ข้าพเจ้า จงเป็นผู้ไม่มีเวร

อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ

ขอให้ข้าพเจ้า จงเป็นผู้ไม่มีความพยาบาทเบียดเบียน

อะหัง อะนีโฆ โหมิ

ขอให้ข้าพเจ้า จงเป็นผู้ไม่มีความทุกข์กายทุกข์ใจ

สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิฯ

ขอให้ข้าพเจ้า จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญฯ

................สาธุ............


I'm Mot.
 
 
 
 
ขอขอบคุณ
http://www.oknation.net/blog/TheYann/2009/06/23/entry-1

วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

ความเป็นมาของ "แม่มด"

แม่มด คำว่า witch หรือแม่มดแผลงมาจากคำว่า wit ในภาษาแองโกลแซกซอน หมายถึง "to know" หรือ หยั่งรู้ ต้องการรู้ ดังนั้น แม่มดจึงหมายถึง พวกที่ต้องการศึกษาหาความรู้ (ในศาสตร์ลึกลับเหนือธรรมชาติ) อาจจะด้วยแนวทางที่มีคุณธรรมหรือชั่วร้ายก็ได้




กว่าจะเป็นแม่มด

แต่เดิม แม่มดขาวส่วนใหญ่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง อาจจะมาจากความใกล้ชิดกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ หรือจากคัมภีร์โบราณทางศาสนา แม่มดขาวบางคนอาจรับศิษย์สำหรับถ่ายทอดวิชา แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ ซึ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับแม่มดดำ

แม่มดดำส่วนมากจะยินดีรับศิษย์ ซึ่งส่วนใหญ่ศิษย์ของแม่มด จะได้รับสิ่งตอบแทนคือ ได้รูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์สำหรับเพศตรงข้าม ชนิดสุวนันท์ชิดขวาพัชราภาชิดซ้ายไปเลย ทว่าใช่จะได้รับกันมาฟรีๆ นะ สิ่งที่ต้องแลกกับรูปร่างอันอวบอึ๋มก็คือ การไม่สามารถมีทายาทได้
รางวัลของการเป็นแม่มดดำอีกอย่างก็คือ การมีอายุที่ยืนยาวเป็นร้อยๆ ปี ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มนต์ดำไม่ใช่ครรลองที่ถูกต้องตามธรรมชาติ แม่มดดำทุกคนมักจะพบกับจุดจบที่ทุเรศและทรมานเป็นส่วนใหญ่
ว่ากันว่า ความยากของการเรียนวิชาแม่มดนั้นมาจากการไม่มีตำรา ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรม สูตรยา หรือเวทมนตร์ ล้วนต้องถ่ายทอดกันแบบปากเปล่า ยิ่งแม่มดดำ กว่าจะเป็นแม่มดที่เก่งฉกาจได้ จำต้องอุทิศตนให้กับซาตานผู้เป็นนายแห่งความมืดเสียก่อน
อิซโซเบล ดาวดี (Isobel Dowdie) แม่มดสาวผู้อื้อฉาวแห่งสก็อตแลนด์ สมัยศตวรรษที่ 17 เปิดเผยถึงพิธีกรรมของแม่มดว่า ผู้ที่สมัครใจจะเป็นแม่มด ต้องไปยืนแก้ผ้า ต่อหน้าพยานหลายคน (แม่มดในสมาคมนั่นเอง) โดยปฏิญาณตนว่า จะยอมเป็นข้าช่วงใช้ และขายวิญญาณ ให้กับซาตาน หรือมารร้ายจากโลกมืด
อิซโซเบล ดาวดี (Isobel Dowdie) แม่มดสาวผู้อื้อฉาวแห่งสก็อตแลนด์ สมัยศตวรรษที่ 17 เปิดเผยถึงพิธีกรรมของแม่มดว่า ผู้ที่สมัครใจจะเป็นแม่มด ต้องไปยืนแก้ผ้า ต่อหน้าพยานหลายคน (แม่มดในสมาคมนั่นเอง) โดยปฏิญาณตนว่า จะยอมเป็นข้าช่วงใช้ และขายวิญญาณ ให้กับซาตาน หรือมารร้ายจากโลกมืด


สมาคมแม่มด


แม่มดจะแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ หลายๆ กลุ่มซึ่งเรียกกันว่า สมาคมแม่มด สำหรับสมาคมแม่มดดำ แม่มดสาวที่เข้ามาใหม่ จะได้เป็นแค่สมาชิกสมทบ เมื่อใดก็ตามที่สมาชิกถาวรตายลงจึงจะได้ขึ้นเป็นสมาชิกถาวรตามลำดับอาวุโส แม่มดดำแต่ละกลุ่มจะมีกัน 13 คน เพราะถือเป็นเลขสวยสำหรับผู้บูชาความมืด เป็นเลขโชคร้าย ( มีที่มาจากว่า พระเยซูกับอัครสาวกมี 13 คน ในคืนสุดท้ายก่อนตรึงกางเขน ซาตานจึงชอบเลขนี้ )
กลุ่มแม่มดจะมาชุมนุมกันเดือนละครั้งในคืนวันเพ็ญ และรวมชุมนุมใหญ่แม่มดกลุ่มต่างๆ ปีละสี่ครั้ง ล้วนเป็นวันสำคัญทางศาสนาทั้งสิ้น ได้แก่ Candlemas วันที่ 2 ก.พ. Walpergist Night วันที่ 1 พ.ค. วันต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ Rammas Day วันฉลองการเก็บเกี่ยวประจำปี และครั้งสุดท้าย ครั้งที่สำคัญที่สุดของปีคือ Halloween วันที่ 31 ตุลาคม
ตำนานของชาวยุโรปกล่าวว่า ใครที่เกรงกลัวแม่มดสามารถหลบหลีกได้ ด้วยการอยู่แต่ในบ้าน โดยเฉพาะในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง หรือคืนที่พวกแม่มดมีงานชุมนุมประจำปี แม้ว่าแม่มดดำทุกคนจะไม่รังเกียจ หากบุคคลภายนอกจะเข้าร่วมพิธีด้วย แต่มีกฏข้อบังคับอยู่ว่า สมาชิกร่วมงานทุกคนจะต้องเปลือยกายหมด ต้องบูชาซาตาน มีการดื่มกินกันอย่างมูมมาม ตลอดจนเสพสังวาสกับใครๆ ในกลุ่มอย่างไม่รังเกียจเดียดฉันท์
แม้ว่าคนทั่วไปจะมีความเกลียดและกลัวแม่มด แต่ของขลังของแม่มดก็มีอิทธิฤทธิ์ชะงัดนัก มีเรื่องเล่าว่า เส้นใยจากเชือกที่เพชฌฆาตใช้แขวนคอนักโทษ สามารถรักษาผิวหนังแตกหน้าท้องลายได้ชะงัดนัก สำหรับใครที่เบื่ออาการขี้บ่นของแม่ยายและเมียแก่ๆ สามารถไปขอราที่ขึ้นบนหลุมฝังศพกับแม่มด มาผสมน้ำให้พวกหล่อนดื่ม จากนั้นแม่เจ้าประคุณทั้งหลายจะว่านอนสอนง่ายขึ้นอีกเป็นกอง สำหรับใครที่มีเมียชอบเที่ยว แม่มดก็มียาแก้ ยาที่ว่าคือขนเพชรของมัมมี่ รับรองกลายเป็นคนหงิมๆ อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนไปเลย
กล่าวกันไปแล้วว่า ว่ากันว่า แม่มดมักจะไม่คำนึงถึงคุณธรรมใดๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงมีคนว่าจ้าง แม่มดก็จะจัดการ เชือด เหยื่อให้มีอันเป็นไปสมประสงค์ของผู้จ้าง วิธีการที่นิยมกันคือสร้างหุ่นจำลองขี้ผึ้งขึ้นมา จากนั้นก็เอาเข็มปักตามอวัยวะต่างๆ ทีละเล่มๆ ครบสิบสามเล่มเมื่อไหร่ก็เป็นอันตายเมื่อนั้น


ยุคมืดของแม่มด


ไม่ว่าแม่มดจะมีจริงหรือไม่ หรือดีเลวอย่างไรก็ตาม ประมาณต้นศตวรรษที่ 6-11 แถบยุโรปเคยมีแม่มดและมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยกัน แต่พอศตวรรษที่ 15-17 หรือยุคกลางของยุโรป ที่เรียกกันว่า ยุคมืด นั้นมีการล่าแม่มดขนานใหญ่ สมมุติว่าเกิดเหตุผิดธรรมชาติขึ้นในท้องถิ่น เช่นฝนไม่ตก มีโรคระบาด สิ่งแรกที่คนสมัยนั้นจะโยนบาปก็คือแม่มด พวกชาวบ้านจะระดมกำลังกันตามหาผู้ต้องสงสัย และมักเป็นแพะรับบาป พร้อมหลักฐานจำนวนหนึ่ง บางทีหลักฐานก็ดูตลกๆ เช่นแค่เลี้ยงหมากับแมวไว้ในบ้านก็ตาม หญิงแก่ไร้ญาติบางคน ซึ่งมีแค่แมวตัวเดียวเป็นสัตว์เลี้ยงคลายเหงา มักถูกหาว่าเป็นแม่มด และถูกลากมาเผาประจานทั้งเป็นอย่างน่าอนาถ หญิงสาวบางคนที่สวยเกินไปก็โดนข้อหานี้ด้วย เพราะสงสัยว่าจะเอาวิญญาณเข้าแลกกับเรือนร่างอันน่ามอง แถมผู้ชายในสมัยนั้นยังชอบทารุณกรรมผู้หญิง โดยยกข้ออ้างจากไบเบิลขึ้นมาอ้างมั่วว่า สูเจ้าจะต้องไม่ทรมานแม่มดด้วยการปล่อยให้มีชีวิต ( "Thou shlt not a suffer a witch to live" )
ฉะนั้นจึงมีการเฆี่ยนประจาน การทรมานด้วยวิธีนานาที่จะนึกออกได้ ใครจะทนการทรมานไหว ก็จำต้องรับสารภาพ เพื่อจะได้ตายด้วยวิธีที่ไม่ทรมานนั่นคือ การเผาทั้งเป็น!

อีกตัวอย่างเหตุการณ์ของการจับแพะแม่มดที่สำคัญโด่งดังคือ กรณีเซนต์โจนส์แห่งตำบลอาร์ค (โยนส์ออฟอาร์ค) เพียงเพราะเป็นผู้หญิงที่ไม่คอยมีใครรู้ที่มาที่ไป และนำทัพปฏิวัติให้ฝรั่งเศสเป็นอิสระจากอังกฤษ อย่างเหลือเชื่อ การเมืองไม่เข้าใครออกใคร จะด้วยอิจฉาหรือกลัวถูกแย่งประชานิยมหรือรักษาตัวรอดตามเกมการเมืองก็ตาม ผู้มีอำนาจในฝรั่งเศสสมรู้กันมอบเธอให้อังกฤษ เพื่อแลกกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งที่เธอต่างหากที่ปลดปล่อยฝรั่งเศสให้กลับมาเป็นปึกแผ่น และมีกษัฅริย์ของตนเอง เธอถูกตัดสินว่า ผิดจริงโดยใช้พลังของแม่มดในการเมืองการสงคราม และถูกเผาทั้งเป็น แต่ภายหลังเป็นร้อยปี ก็ได้มีการรื้อคดีมาทำใหม่ และประกาศว่าการพิพิากษาครั้งนั้นไม่ถูกต้อง แล้วเธอได้รับยกย่องให้เป็น หนึ่งใน นักบุญ (เซนต์)

(Thanks http://www.dekdee.com/)

ท้อ แต่ไม่ถ้อยนะ

สี่วันที่ผ่านมา พยายามที่จะเก็บรวมรวมข้อมูล อ่านหนังสือ รวมถึงเก็บข้อมูลภาคสนามด้วย
เหนี่อยเหลือเกิน เหนื่อยทั้งกายและใจ พอใจท้อแท้ ร่างกายก็พลอยอ่อนแอตาม
ยังคิดไม่ออก ก็จะพยายามไป
ตอนนี้เหลืออีกไม่กี่วันที่จะต้องส่งเล่มดำแล้ว เริ่มจะหลงทาง หาทางออกไม่เจอ
แต่เราจะพยายามนะ
คงไม่มีใครให้กำลังใจเราดี เท่าเราให้กำลังใจตัวเองนะ สู้ๆ



วันเพ็ญและเพื่อนๆ เมื่อวันวาน วันที่เพิ่งเข้ามาเรียนใหม่
เริ่มจากซ้ายนะ พี่ชาย มด เก๋ ออม ข้าว ตรี พี่แถม


ละแล้ววันนี้เรากำลังจะจบแล้ว เวลามันช่างผ่านไปเร็วจริงๆ (ประมาณสองปีสามเดือน)
อืม มันกำลังจะเป็นอดีตสำหรับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มอ. ที่น่าภาคภูมิใจ เป็นลูกพระบิดาเต็มตัวแล้ว

I'm Mot.

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

วันสอบจบ 3 กันยายน 2553

เป็นวันที่ตื่นเต้น กังวล เครียด ทุกอารมณ์อยู่ในวันนี้
ตามกำหนดเวลาการสอบ คือ 18.00 - 20.00 น
แต่ด้วยประธานสอบรถติด เดินทางจากมหาวิทยาลัยทักษิณมา มอ หาดใหญ่
อาจารย์บอกว่าจะมาช้าไปครึ่งชั่วโมง
จากนั้นอาจารย์ท่านอื่นๆ ที่อยู่หาดใหญ่ หิวข้าว (ขำ)
เวลาการสอบก็เลื่อนไป
สรุปว่าประธานสอบมาตรงเวลาเป๊ะ  18.30 น
แต่ กลับกลายเป็นว่าอาจารย์ที่หาดใหญ่ ช้า (ขำ)
จากหกโมงครึ่ง เอาจริงๆ จังๆ ก็ปาไปเป็นทุ่ม
วันเพ็ญพูดไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
มีเรื่องขำๆ อีกต่างหาก ก็ความโก๊ะของวันเพ็ญเองนั่นแหละ

พอทุกคนบอกว่า อ๊ะ เริ่มได้ แค่นั้นแหละ วันเพ็ญรีบอ้าปากพูดคนแรกเลย
"สวัสดีค๊ะ คณะกรรม"
อาจารย์ทุกคนมองหน้าวันเพ็ญ อาจารย์เก็ตพูดว่า "ให้ประธาน อาจารย์พรพันธุ์ พุดก่อน" แล้วหนูค่อยพูด
อายม๊ากมากกกกกกกกกกก
น้องรุ่นหก สี่คนในนั้น มันหัวเราะ รวมทั้งข้าว และตาลด้วย อาจารย์อีก
เฮ้ยยยยยยยยยย..................................แตกสุดดดดดดดดดด หน้าแตก

หลังจากนั้นทุกอย่างก็ผ่านไปด้วย.........ความระทึก โอเค เสร็จการบรรยาย
จากนั้นก็ต่อด้วยการ ถ่อมตัวของอาจารย์ที่ไม่อยากเป็นคนถามก่อน
แต่เมื่ออาจารย์เก็ตถวา เปิดฟอร์ เสร็จ แค่นั้นแหละ
วันเพ็ญหลายหลัง...............
เล่นยิงมาไม่ยั้ง ด้วยกระสุนของอาจารย์เอมอร อาจารย์วันชัย

เฮ้อ ห้องแอร์นะ แต่วันเพ็ญปาดเหงื่อ และแล้ว คำถามที่เปรียบเหมือนปอกกล้วยเข้าปากก็มาถึง
หุ หุ หุ หุ  ชาติพันธุ์หรือ ชิลๆๆ  ถามมาดิ ไทยพูทธ มลายูมุสลิม มลายูพุทธ ไทยมุสลิม มุสลิมไทย
อาจารย์แตละคนอ้าปากค้างกันหมด
ก็บอกแล้วว่าวันเพ็ญศึกษามาจริงๆ จังๆ
ถามมาแนวไหน ตอบได้หมด อิ อิ อิ อิ

แต่ที่เรา งง คือ บ้านหลังใหม่ บ้านหลังใหญ่ ในหน้ากิตติกรรมประกาศ
คำถามของ รศ.ดร.วันชัย ธรรมสัจการ

คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ (นี่งัยบ้านที่ให้พักพิง หลังใหม่และหลังใหญ่)
ภาควิชาสารัตถศึกษา สาขาพัฒนามนุษย์และสังคม
ขอบคุณ บ้านหลังใหม่ ที่ให้พักพิง เจอเรื่องราวต่างๆ มากมาย คงเป็นธรรมดาของบ้านหลังใหญ่
ที่มีคนอยู่จำนวนมาก ผู้วิจัยในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
จะเก็บเกี่ยวแต่ความทรงจำที่ดีเอาไว้

ทุกคนจะเข้าใจเหมือนเราไหมนี่

I'm Mot.

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

บันทึกเกี่ยวกับแม่มด.

                                                                      แม่มด (A Witch)
                                                                    บันทึกเกี่ยวกับแม่มด



แม่มดในเทพนิยายจะต้องสวมหมวกสีดำรูปร่างพิกล สวมเสื้อคลุมสีดำ และต้องขี่ไม้กวาดเสมอ

เรื่องต่อไปนี้ไม่ใช่เทพนิยาย แต่เป็นเรื่องจริงเกี่ยวกับแม่มด

ข้อสำคัญเกี่ยวกับแม่มด คือสิ่งที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ ฟังให้ดี และอย่าลืมเป็นอันขาด- - -

แม่มดแต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดา มองดูก็เหมือนผู้หญิงทั้งหลาย อยู่บ้านเหมือนพวกเรา และทำงานอาชีพต่างๆ เหมือนคนทั่วไป

เพราะอย่างนี้เอง จึงยากนักที่จะรู้ว่าใครเป็นแม่มด

แม่มดตัวจริงเกลียดชังเด็กๆ อย่างรุนแรงเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการได้ว่า มีความเกลียดชังอื่นใดเท่าเทียมได้อีก

แม่มดตัวจริงจะใช้เวลาทั้งหมดในการวางแผนกำจัดเด็กๆ ที่อยู่ในอาณาบริเวณของตน แม่มดปรารถนาเหลือเกินที่จะขจัดเด็กให้หมดไปทีละคน แม่มดคิดจะขจัดเด็กอยู่ทุกวัน ไม่คิดเรื่องอื่นเลย

แม่มดอาจจะทำงานเป็นคนเก็บเงินตามซูเปอร์มาร์เก็ต หรือเป็นพนักงานพิมพ์จดหมายให้นายที่เป็นนักธุรกิจ หรือขับรถยนต์คันหรูโฉบเฉี่ยวไปมา (ซึ่งแม่มดสามารถทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้จริง) แต่จิตใจของแม่มดก็คิดวางแผนและกะแผนการต่างๆ นานา ด้วยความคิดซึ่งกระหายเลือดอย่างที่สุดตลอดเวลา

“จะเลือกเด็กคนไหนดีนะ- - -เลือกคนไหนดี- - -เพื่อกำจัดให้สิ้นซากรายต่อไป” แม่มดถามตัวเองอย่างนี้ตลอดทั้งวัน

แม่มดรู้สึกเพลิดเพลินในการกำจัดเด็ก เหมือนที่คุณรู้สึกเพลินเวลาได้กินสตรอเบอรี่ราดครีมข้นๆ จนพูนจาน

แม่มดตั้งใจจะกำจัดเด็กให้ได้สัปดาห์ละ 1 คน และถ้าไม่ได้ดังใจหวัง แม่มดก็จะอารมณ์เสียอย่างยิ่ง

กำจัดเด็กสัปดาห์ละ 1 คน เท่ากับปีละ 52 คน

แม่มดต้องการทำให้เด็กๆ หายสาปสูญไปเลย

นี่คืออคติที่แม่มดทุกคนยึดถือ

แม่มดจะเลือกเด็กที่เป็นเหยื่อด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง แล้วเด็กคนนั้นก็จะถูกสะกดรอยตาม เหมือนพวกนายพรานสะกดรอยตามนกเล็กๆ ในป่า

แม่มดเดินย่องด้วยฝีเท้าแผ่วเบา ใกล้เข้าไป- - -ใกล้เข้าไปทุกที- - - เมื่อทุกอย่างพร้อม- - -ก็ถึงเวลาที่แม่มดจะลงมือ- - -แว้บเดียวเท่านั้นที่แม่มดโฉบตัวเด็กไปพร้อมกับมีแสงวาบเหมือนถ่านไฟปะทุ- - -เปลวไฟลามเลียขึ้นสูง- - -น้ำมันเดือดพล่าน- - -เสียงหนูร้องจี๊ดจ๊าด- - -ผิวหนังของเด็กค่อยๆ เหี่ยวย่นลง- - -แล้วเด็กคนนั้นก็อันตรธานไป!

คุณต้องเข้าใจไว้ด้วยว่า แม่มดไม่ใช้วิธีทุบหัวเด็กให้สิ้นสติ ไม่ใช้มีดแทง ไม่ยิงด้วยปืน เพราะใครขืนทำสิ่งเหล่านั้นจะต้องถูกตำรวจจับ

แม่มดไม่มีวันถูกตำรวจจับ นิ้วของแม่มดมีคาถา ผีร้ายเต้นเร่าอยู่ในเลือดของแม่มด จึงทำให้แม่มดมีอำนาจในการสั่งให้ก้อนหินลุกขึ้นกระโดดโหย่งๆ ได้เหมือนกบ แม่มดยังสามารถร่ายมนต์ให้ผิวน้ำมีเปลวไฟลามไปทั่วได้อีกด้วย
 
เวทมนต์คาถาเหล่านี้เองที่น่ากลัวนัก


ปัจจุบันนี้ นับว่าโชคดีที่มีแม่มดตัวจริงอยู่ไม่มากนัก แต่ก็มากพอที่เด็กๆ จะรู้สึกเสียวสยอง ในประเทศอังกฤษอาจจะมีแม่มดรวมกันประมาณ 100 คน บางประเทศมีมากกว่านี้ บางประเทศไม่มีมากเท่านี้ แต่ไม่มีประเทศใดในโลกนี้ที่ไม่มีแม่มด

แม่มดต้องเป็นผู้หญิงเสมอ

ผมไม่ได้ต้องการจะกล่าวหาผู้หญิงว่าไม่ดี ผู้หญิงส่วนมากน่ารัก แต่ความจริงที่เป็นความจริงก็คือ แม่มดต้องเป็นผู้หญิงวันยังค่ำ ผู้ชายเป็นแม่มดไม่ได้

ในทางตรงข้าม ผีปอบต้องเป็นเพศชายเสมอ เช่นเดียวกับผีก็องกอย ผีทั้งสองชนิดนี้น่ากลัว และมีอันตรายพอๆ กัน แต่รวมกันแล้ว ยังไม่อันตรายเท่าแม่มด

สำหรับเด็กๆ แล้ว แม่มดนับว่าเป็นสัตว์โลกที่อันตรายที่สุดบนพิภพนี้ ที่น่ากลัวอันตรายมากก็คือ ความจริงที่ว่า รูปร่างหน้าตาของแม่มดดูไม่น่ากลัว แม้ว่าเด็กๆ จะรู้ความลับทุกข้อของแม่มดแล้ว (ประเดี๋ยวจะบอกความลับนี้ให้ฟัง) ก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่า คนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็นแม่มด หรือเป็นผู้หญิงใจดีกันแน่

สมมุติว่า เสือโคร่งสามารถแปลงตัวเป็นหมาตัวใหญ่ และนั่งกระดิกหางอยู่ คุณอาจจะเดินไปตบหัวมันเล่น ซึ่งเมื่อใดที่คุณทำเช่นนี้ก็เป็นอันถึงจุดจบของคุณแน่ แม่มดก็น่ากลัวทำนองเดียวกันนั้น คือทำตัวให้มองดูเหมือนสุภาพสตรีที่น่ารักได้เสมอ

ดูรูปต่อไปนี้แล้วบอกผมได้ไหมว่า คนไหนเป็นแม่มด

คำถามนี้ตอบยาก แต่เด็กทุกคนต้องพยายามตอบให้ได้

ไม่แน่หรอกนะ- - -เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียงของคุณอาจจะเป็นแม่มดก็ได้

แม่มดอาจจะเป็นผู้หญิงนัยน์ตาแจ่มใสซึ่งนั่งตรงข้ามคุณในรถโดยสารเมื่อเช้านี้- - -ก็ได้อีกเหมือนกัน

แม่มดอาจจะเป็นผู้หญิงยิ้มสวย คนที่ยื่นลูกกวาดใส่ถุงกระดาษสีขาวให้คุณที่ถนนเมื่อตอนเที่ยงนี่เอง

เด็กๆ คงสะดุ้งโหยง ถ้าจะบอกว่า- - -แม่มดอาจจะเป็นคุณครูคนสวย ซึ่งกำลังอ่านเรื่องนี้ให้เด็กๆ ฟังอยู่ในตอนนี้

ขอให้พิจารณาคุณครูคนนี้ให้ดี คุณครูอาจจะยิ้มเยาะที่มีคนเขียนแนะนำอะไรที่พิลึกเช่นนี้ อย่าเพิ่งหลงเชื่อเสียล่ะ เพราะอาจจะเป็นแผนอันชาญฉลาดของแม่มดอีกก็ได้

ผมไม่ได้ตั้งใจจะบอกเด็กๆ สักนิดเดียวว่า คุณครูของเด็กๆ เป็นแม่มดตัวจริง ผมเพียงแต่แนะว่า อาจจะใช่แม่มดตัวจริงเท่านั้น แต่ว่า- - -ขอเน้นคำนี้หน่อย- - -แต่ว่าอาจจะเป็นแม่มดอย่างที่ผมแนะนำก็ได้

จริงๆ นะ- - -ถ้ามีวิธีที่ทำให้เรารู้ได้ว่าคนไหนเป็นแม่มด คนไหนไม่ใช่ละก็- - -ป่านนี้เราคงช่วยกันจับแม่มดมาใส่เครื่องบดเนื้อจนกลายเป็นเนื้อบดไปหมดแล้ว

โชคดีที่เราดูไม่ออก แต่ก็พอจะมีร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ ที่เด็กๆ สามารถสังเกตได้

แม่มดมีนิสัยปลีกย่อยที่ประหลาดเหมือนกันหมด ถ้าเรารู้นิสัยดังว่านี้ได้และจำใส่ใจไว้เสมอ เราก็อาจจะเอาตัวรอดจากการถูกแม่มดกำจัด- - -ก่อนที่จะโตขึ้น
 
(แม่มดในแบบของ โรอัลด์ ดาห์ล สำนักพิมพ์ผีเสื้อ)

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สำหรับ "ข้าว" นะ

เนื้อเพลง: เขียนถึงคนบนฟ้า

อัลบั้ม: เพลงประกอบภาพยนตร์ โคตรรักเอ็งเลย



"ข้าว"
เพิ่งรู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน ที่ต้องใช้ชีวิตลำพัง

ฟ้าทุกเช้ามันอ้างว้าง ตั้งแต่เธอจากไป

ชีวิตต้องเดินก็รู้ แต่ไม่รู้จะเดินเพื่อใคร

ดาวบนฟ้าคว้ามาได้ ใครจะร่วมชื่นชม



ยามค่ำคืนยังยืนมองขอบฟ้า

เธอสบตากับฉันบ้างหรือเปล่า

คิดถึงเธอ คนที่ดีที่สุด

ถึงแม้ได้พูดในวันที่มันสาย

ยังคงรักเธอ เธอได้ยินฉันมั้ย

อยู่แห่งไหน หัวใจมีแต่เธอ



เพิ่งรู้ว่ากอดมันหวาน เมื่อเธอนั้นไปไกลลับตา

ใช้ทั้งสองมือไขว่คว้า คงไม่มีค่าใด

ห้องน้อยของเธอกับฉัน ที่วันนั้นมันดูแคบไป

เพิ่งจะรู้มันกว้างใหญ่ เกินจะนอนคนเดียว



ยามค่ำคืนยังยืนมองขอบฟ้า

เธอสบตากับฉันบ้างหรือเปล่า

คิดถึงเธอ คนที่ดีที่สุด

ถึงแม้ได้พูดในวันที่มันสาย

ยังคงรักเธอ เธอได้ยินฉันมั้ย

อยู่แห่งไหน หัวใจมีแต่เธอ



คิดถึงเธอ คนที่ดีที่สุด

ถึงแม้ได้พูดในวันที่มันสาย

ยังคงรักเธอ เธอได้ยินฉันมั้ย

อยู่แห่งไหน หัวใจมีแต่เธอ

ได้ยินมั้ย คิดถึงเธอ



**ข้าว เวลาจะช่วยให้ตัวเองหายเศร้าเกี่ยวกับเรื่องของย่าตัวเองได้นะ พี่รู้ว่ามันทรมาน แล้วมันจะดีขึ้น*

ไม่มีสติ

วันนี้ ไม่รู้เป็นอะไร
เงินทอนก็ไม่เอา เพิ่งจำได้ ซื้อน้ำกินข้าวที่ สนอ.
แล้วถือเอกสารของพี่ยู ก็ไม่รู้ว่าลืมไว้ตรงไหน
เริ่มจาก สนอ. แล้วไปรษณีย์ ไปธนาคาร และก็สหกรณ์มอ.
สรุปจำไม่ได้ว่าหล่นไว้ตรงไหน
การไม่มีสติ ทำให้หลายอย่างสูญเสีย



(มัวแต่คิดโน้นคิดนี่ คิดมากอยู่ได้ ไม่ได้จดจ่อกับสิ่งที่กระทำอยู่เบื้องหน้า)
แล้วอะไรจะเกิดขึ้นอีกนี่ เฮ้อ....

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจ

ก็ใกล้จะสอบจบวันที่ 3 กันยายน 2553 เวลา 18:00 - 20:00 น.

วันก่อนอิ้วโทรมาหาบอกน้อยใจที่พี่มดไม่บอกว่าสอบวันที่ 3 กันยายน
วันนี้พี่เล็กโทรมา ไม่คิดว่าพี่เล็กจะโทรมา เซอร์ไพร์มาก
พี่เล็กโทรมาอวยพรมด ให้คณะกรรมการสอบทุกคนให้มดผ่าน สาธุ
(ขอบคุณมั๊กๆ พี่เล็ก)

และยังมีน้องๆ อีกหลายคน ข้าว แอน(นราฯ) แอน(รพ.) หญิง เก๋ เขม ตาล มาท ดะ สุ ฯลฯ
ที่คอยเป็นกำลังใจให้เรา
ขอบคุณน้องๆ มากนะ

ถึงจะไปไหนมาไหน นั่งกินข้าวคนเดียว แต่ก็มีคนคิดถึงเราแฮะ


..สู้ๆๆ..

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ในรั้วมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่

ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เข้ามาพักพิงในบ้านหลังนี้ และแล้วเราก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งภายใต้ชายคานี้
ตามมาดูกันเล๊ย

ไหว้ครู&รับน้อง ปี 51
น้องใหม่ ร่วมกิจกรรมเขาด้วย
ห้องเรียน spss หนุกหนาน
แจมด้วยจ้า
อืม...ขอแจมอีก
ความสวยเด่นสุด
เป็นมือกล้องตลอด (คณาจารย์เราเอง)
วัน Relax
น้องเข็ม
อะไรเธอ
งานเพื่อสังคมนะ

ก็งานเพื่อสังคมอีกนั่นแหละ

ให้ไปเลย สวยกว่าเราเยอะ

      เป็นกิจกรรมในช่วงสองปีที่ผ่านมา

แนะนำตัวเองนะค๊ะ

ชื่อ มด (ตะนอย)
ชื่อจีน Su Mingyue. (มีความหมายว่า "พระจันทร์สวยงาม")
เพศ หญิง
สูง 165
น้ำหนัก 50
เชื้อชาติ ไทย
สัญชาติ ไทย
ชาติพันธุ์ มองโกลอยด์ (ล้านนา)
สีผิว เหลือง
สีผม ดำ
สถานะ มีแฟน (หล่อมากด้วย)
กำลังศึกษาปริญญาโท คณะศิลปศาสตร์ สาขาพัฒนามนุษย์และสังคม (ภาคพิเศษ)
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
สี เขียว
สัตว์เลี้ยง สุนัข
อาหาร ....
คำพูดติดปาก ช่างมันเถอะ ไร้สาระ ไม่เป็นไร
ฉายา หนูแจ๋ว หมวยทุ่งลุง จานดาวเทียม สนามบินสุวรรณภูมิ ผีน้อยแคสเปอร์
สนใจ ประวัติศาสตร์ นานาสัตว์ and Machanics.
วันเดือนปีเกิด ไร้สาระ
ภูมิลำเนา ช่างมันเถอะ
การศึกษา ไม่เป็นไร
ประสบการณ์การทำงาน Sleeplab, Infant Ventilator.
โรคประจำตัว ไร้สาระมั๊กๆ
ชอบ .......
เกลียด งู และแกนั่นแหละ

ลายเซ็น Tanoi.

              และกำลังเรียนที่นี่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์